- IN-TOEY-VIEW
- Oct 27, 2019
- 2 min read
Updated: Oct 30, 2019

สวัสดีค่าาาาา วันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อนๆไปทำอะไรกันมาบ้างเอ่ย แต่เราเชื่อว่าหลายๆคนเนี่ย คงรอดูตอนอวสานของซีรี่ย์ “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน My Ambulance” กันแน่ๆ ไหนเป็นยังไงกันบ้าง ไหนใคร
ทีมหมอเป้ง กด 1
ทีมน้องหมอ กด 2
ทีมเต่าทิวเขา กด 3
ไหนใครทีมไหน แสดงตัวหน่อยเร็ว!! (33333333333 #บกพพ) 555555 ;)
หลังจากซีรี่ย์จบ ถือว่าเป็นกระแสอย่างมากในโซเชียลมีเดียเลยก็ว่าได้ ที่ทานตะวันเลือกฉลาม(น้องหมอ) ต้องบอกเลยว่า หน้าไทม์ไลน์เดือดมากๆ เต็มไปด้วย #รักฉุดใจนายฉุกเฉิน #รักฉุดใจนายฉุกเฉินตอนอวสาน เชื่อว่าเพื่อนๆคนไหนที่ไม่ได้ดู ตอนที่ซีรี่ย์กำลังออนแอร์ คงต้องเจอสปอยกันบ้างแหละ 555555555555

และสำหรับวันนี้ เราเองก็จะมารีวิวภาพรวมของซีรี่ย์ “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” เรื่องนี้กันดีกว่า เพราะจากที่เราดูมาจบจน เรารู้สึกว่าซีรี่ย์เรื่องนี้ มันมี Message อะไรบางอย่างที่ต้องการบอกกับคนดู และเพื่อไม่ให้เอนเอียงต่อทีมไหนๆ T_T เพราะทีมหมอเป้งเยอะมากกก (แต่ความจริงคือกลัวชาวเน็ตมาถล่ม 5555555555)
มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราว่า Message ที่เราเห็นชัดๆจากเรื่องนี้ ก็คือ “ความรัก กับ การแสดงออก และการจากลา” เพราะเรารู้สึกว่า 3 Message นี้ เป็นสิ่งที่ทีมเขียนบทอยากให้คนดูได้รับ และนำกลับไปมองตัวเอง หรือเตือนสติตัวเอง และสาเหตุที่ทำไมตัวละครถึงต้องมีอาชีพหมอฉุกเฉิน เพราะเป็นอาชีพที่ไม่สามารถปฏิเสธต่อหน้าที่ได้ มันเลยทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก ระว่าง คนรัก กับ คนไข้
"ความรัก กับ การแสดงออก"
เราว่าบทก็ได้วางให้ตัวละครแต่ละตัว มีความรัก, ความสัมพันธ์ในแบบของตัวเอง รวมไปถึงการแสดงออกในเรื่องความรักของตัวละครแต่ละตัว ที่ออกมาได้หลากหลายเลยนะ เพราะเราเองก็รู้สึกว่ามันมีแบบนั้นอยู่จริงๆ ที่เห็นได้จากคนรอบข้างหรือคนในสังคม เราว่าเขาต้องการจะนำเสนอในแนวนี้แหละ งั้นเราขอพูดเป็นเคสๆไปละกันนะ
เป้ง (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์)
“เห็นแกเจ็บแล้วทำอะไรไม่ได้ เราโคตรรู้สึกแย่ ”
“ ที่ผ่านมาแกจะคิดยังไงก็แล้วแต่นะ
อย่าคิดว่าเราไม่รักแกก็พอ ”
เป้ง กับความรักที่มีต่อทานตะวันตลอด 15 ปีที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นของการที่เป้งเป็นหมอ ก็มาจากทานตะวันเนี่ยแหละ เพราะเป้งอยากช่วยทานตะวัน ไม่อยากเห็นทานตะวันเจ็บ แต่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลย เราว่าเป้งรักทานตะวันมากๆเลยนะ และเป้งก็เป็นเหมือนทุกอย่างในชีวิตของทานตะวันไปแล้ว แต่ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง เลยทำให้เป้ง อุทิศตนให้กับอาชีพหมอ เพิ่มเวลาเข้าเวร ขอหยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว ถ้ามองในหน้าที่หมอ ถือว่าเป้งทำหน้าที่นี้ได้ดีและเต็มที่มากๆเลยด้วยซ้ำ
แต่ในมุมของความรัก เป้งจัดเป็นตัวละครที่สะท้อนถึง คนที่ซื่อสัตย์กับความรัก ไม่นอกใจ ไม่สนใจคนอื่น แต่แค่ไม่ได้แสดงออกว่ารักสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะความเคยชิน หรือเป็นเพราะว่าละเลยกับความความรู้สึกของคนรัก เพราะให้ความสำคัญกับงานมากกว่า มันเลยกลายเป็นไม่บาลานซ์กัน ในเรื่องของงานกับความรัก ถ้าบอกว่าหมอเป้งไม่รัก หมอเป้งคงไม่ยอมรับผิด หรือทำอะไรต่างๆนาๆให้ทานตะวันขนาดนี้หรอก ซึ่งมันก็ใช่ ถ้าไม่รักคงไม่ทำแบบนั้น แต่กลับมองข้ามถึงความรู้สึกเล็กๆน้อยๆของทานตะวัน
จนวันนึงที่ฉลามมาทำให้ทานตะวันเกิดหวั่นไหว และบะหมี่ที่มาตามจีบแล้วพาไปทำในสิ่งต่างๆที่เป้งไม่เคยทำกับทานตะวัน วันนั้นก็เหมือนฟ้าเปิด เบิกทางให้ตาสว่าง รู้ว่าที่ผ่านมาควรทำอะไร แต่มันก็สายไปแล้ว กับการที่จะกลับไปรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะถึงแม้รู้ว่าตัวเองจะต้องทำยังไง แต่มันก็เหมือนหมอเป้งต้องฝืนตัวเองอยู่ดี
“ แกอย่าให้เราเลือกได้ไหม แกก็รู้ว่าเราเลือกแกไม่ได้ ”
“ ถ้า 15 ปีมันใช่ มันใช่ไปนานแล้ว ”
เราว่าประโยคนี้เพื่อนๆที่ได้ยิน ก็คงจุกไปตามๆกัน เพราะถ้าคนที่เรารักพูดกับเราแบบนี้ เราก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนทานตะวันนั่นแหละ ทั้งๆที่มันเป็นวันสำคัญก็ตาม จากที่ผ่านมาเราก็จะเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอเป้งถึงจริงจังกับงานขนาดนั้น เพราะเป้งอุทิศตนให้กับอาชีพหมอไปแล้ว
“ เราอยากให้แกเลือกเรานะ
แต่ถ้าแกเลือกฉลาม เราจะไม่เสียใจเลย...
...สตรอเบอร์รี่ไม่เสียใจเลย ”
ทานตะวัน (ใหม่ ดาวิกา)
“ เราคิดถึงความรักว่ะ ”
“ สรุปแล้ว เราต้องปรับตัวเอง...
หรือว่า เราควรจะต้องเป็นตัวของตัวเองดี ”
ทานตะวัน กับความรักที่มีต่อเป้ง ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ทานตะวันเป็นคนที่คอยดูแลเป้งอยู่เสมอ เกือบ 24 ชั่วโมงของทานตะวันก็เลยมีแต่เป้ง และมันคงไม่แปลกหรอก ถ้าทานตะวันจะโหยหาหรือต้องการความรักจากเป้งบ้าง มันก็คงเป็นความรู้สึกที่อยากอยู่กับคนที่รัก ใช้เวลาที่มีอยู่กับเป้ง ออกไปเที่ยวบ้าง ออกไปทำอะไรแบบที่คู่รักอื่นๆเขาทำกัน
แต่พอเวลาผ่านไป เป้งไม่มีเวลาให้เหมือนเดิม ทานตะวันเลยไม่ได้รับความรู้สึกเหล่านั้นเหมือนเดิม เพราะหน้าที่การงานที่ต้องทำมันมากขึ้น แต่พอถึงวันหยุด หรือในวันสำคัญ เป้งก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับทานตะวันสักเท่าไร มันก็ไม่น่าแปลกถ้าทานตะวันจะเริ่มเหนื่อยใจ แต่ทุกครั้งก็ฮีลตัวเองแล้วปรับความเข้าใจใหม่เสมอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะมันยังไม่มีตัวแปรจากคนอื่นมาทำให้ทานตะวันเกิดคำถามหรือสงสัยกับความสัมพันธ์ที่มีกับเป้ง
“ ลืมบ่อยขนาดนี้ มันไม่ใช่ลืมแล้ว...
...แต่แกลืมไปด้วยซ้ำ ว่าแกยังมีเราอยู่ ”
เราว่าทานตะวันไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย ในฐานะแฟนคนนึง ที่อยากใช้ชีวิตกับคนรัก ใช้ทุกๆวันยังมีกันให้มีความสุขให้มากที่สุด แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่เคยได้รับมันกลับลดน้อยลง ความรู้สึกที่เคยมีมันก็เริ่มจางหายไป ทำให้ทานตะวันต้องคิดและปรับตัวเองเพื่อยอมรับกับสิ่งที่ต้องเจอว่าที่เป้งทำแบบนั้นเพราะอะไร
เราว่าการที่ทานตะวันเลือกเริ่มต้นรักใหม่กับฉลาม เพราะทานตะวันคงไม่อยากอยู่กับความรักที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าการเลือกครั้งนี้อนาคตจะเป็นยังไง เพราะเวลาเปลี่ยนไป ยังไงคนก็เปลี่ยนตาม แต่อยู่ที่ว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นคนที่เข้ากับเรามากขึ้น หรือกลายเป็นคนที่ไม่เข้ากันเลย เราไม่มีทางรู้ได้ แต่ที่แน่ๆคือ ทานตะวันและเป้งจะได้ไม่ต้องฝืนตัวเองกันอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เลือกเป้ง แต่เราว่าทานตะวันกับเป้งจะมีแต่ความทรงจำที่ดีของความสัมพันธ์ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาแน่นอน
“ ถึงวันนี้เราจะไม่ได้รักกัน
แต่เขาจะเป็นคนแรกที่ฉันนึกถึงเสมอ... ”
ฉลาม / น้องหมอ (สกาย วงศ์รวี)
“ ก็อยากอยู่ด้วย ”
“ ผมคิดแค่ว่า ถ้าเรารักเขา...
...เราก็คงทำทุกอย่าง เพื่อที่จะได้อยู่กับเขา ”
ฉลาม กับความรู้สึกที่ยอมถอยให้กับรัก 15 ปีของทานตะวัน เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่ดีพอ ไม่สามารถไปทดแทนคนเก่าของเขาได้ แต่สุดท้ายหัวใจตัวเองมันก็บอกว่าขอลองสู้สักครั้งกับความรักครั้งนี้ คนแบบฉลามมันมีจริงๆนะ ที่หัวใจรู้สึกอย่างนึง แต่ปากกับการกระทำมันแสดงออกมาอีกอย่างนึง เพียงเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ แต่บางคนก็อาจจะท้อแล้วก็ถอดใจไป อย่างน้อยได้ชอบอยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหน แต่บางคนก็ฮึดตัวเอง กลับมาทำตามเสียงของหัวใจให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป ดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย
และเราว่าฉลามเป็นตัวละครที่สำคัญมากๆเลยนะ เพราะเป็นคนที่ทำให้ทานตะวันเกิดคำถามในใจว่า ความรักตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ที่ทำมาทั้งหมด ทำถูกไหม มันเป็นเพราะความรัก ที่พยายามปรับตัวเองให้เข้ากับเขา หรือเป็นการที่ต่างฝ่ายต่างต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ และถูกช่วงชิงความเป็นตัวของตัวเองกันไปหรือเปล่า
ฉลามเป็นคนที่มาปลดล็อคทุกอย่างที่เป้งไม่เคยทำให้กับทานตะวัน และสามารถเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปของทานตะวัน ที่ไม่ได้รับจากเป้ง ก็คงไม่แปลกที่ทานตะวันจะหวั่นไหว แล้วเริ่มต้นใหม่กับความรักที่ต่างคนไม่ต้องทนฝืนตัวเอง
“ ถ้าผมเคยรักพี่สักนิด
วันนี้ที่ผมไม่มีพลัง ผมก็คงเสียใจนะ
...แต่ดูดิผมไม่รู้สึกอะไรเลย ”
“ ที่ผมไม่ใช้พลัง เพราะผมอยากถอยให้พี่เป้ง
แต่ตอนนี้ผมจะไม่ไปไหนแล้ว ”
“ ผมขอให้คำตอบพี่ใหม่ได้ไหม ”
“ ผมใช่คนเดียวกับที่พี่เลือกไว้ในใจหรือเปล่า ”
บะหมี่ (ต้าเหนิง กัญญาวีร์)
“ หนูดีใจอะพี่ ที่หนูไม่ได้คิดไปเอง ”
“ พี่อยากได้โอกาสจากพี่ทานตะวันยังไง...
...หนูก็อยากได้โอกาสจากพี่ อย่างนั้นแหละ ”
บะหมี่ กับการแอบชอบหมอเป้ง ก็รู้ทั้งรู้แหละ ว่าหมอเป้งมีแฟนแล้ว แต่ก็ชอบอะ จะให้ทำยังไง คนมันชอบไปแล้ว ถ้าบังเอิญได้มาเป็นแฟนก็ดี แต่ถ้าไม่มีโอกาสเป็นแฟน อย่างน้อยก็ขอแค่ได้เข้าไปใกล้ชิดเขา ได้อยู่ใกล้ๆเขาก็พอแล้ว ถึงแม้รู้ว่าไม่มีโอกาสก็จะลองสู้ดูสักตั้ง ตายเป็นตายดีกว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้บอกรักให้เขารู้ หัวใจรู้สึกแบบไหน ปากและการกระทำมันก็แสดงออกมาตามที่หัวใจมันรู้สึกแบบนั้น เพราะก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แย่หรือด้อยไปกว่าใคร
ซึ่งเราคิดว่าตัวละครบะหมี่กับฉลาม ไม่ได้ต่างกันเท่าไรเลยนะ ในสถานะของความรัก (แอบชอบ) แต่แค่ฉลามมีอีกฝ่ายมาเข้าหาก่อน ส่วนบะหมี่เป็นฝ่ายที่เข้าหาเขาเอง แต่แตกต่างกันที่ความกล้าของหัวใจ ว่าจะแสดงออกไปแบบไหน คนนึงปากอย่างใจอย่าง กับอีกคน ปากกับใจแม่งโคตรจะตรงกัน ซึ่งเราว่าคนแบบบะหมี่ ก็มีอยู่เยอะเลยนะ ถึงแม้คนจะด่าว่าบะหมี่ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราว่าถ้าหลายๆคนตกอยู่ในความรู้สึกแบบบะหมี่ ทุกคนก็คงจะทำไม่ต่างไปจากบะหมี่หรอก ใช่ไหมเอ่ยยย 555555
“ พี่ทานตะวันเขาไม่ได้รักพี่แล้ว ได้ยินไหม ”
และเราว่าบะหมี่ก็เป็นอีก 1 ตัวละครที่สำคัญมากเลยนะ ไม่ต่างไปจากฉลามเลย บะหมี่เหมือนเป็นคนที่มาตบหน้าเป้ง แล้วปลุกให้เป้งตื่นจากสิ่งที่เคยทำ, สิ่งที่คิดว่ามันดี เห็นได้ตอนที่เป้งเริ่มดูใจกับบะหมี่ แล้วออกไปทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เคยได้ทำกับทานตะวัน จนกระทั่งตอนที่เป้งพยายามกลับไปหาทานตะวัน คำพูดต่าง ๆ ของบะหมี่ที่เคยบอกเป้ง ก็ยังเตือนให้เป้งทำในสิ่งที่ควรทำ, ควรปล่อยวางจากหน้าที่หมอบ้าง (ตอนที่ให้หลับตาแล้วนึกว่าถ้ามีหมอตรงนั้นเขาจะทำยังไงกับคนไข้, ตอนที่กำลังจะไปทำคลอดให้พี่ตั๊ก)
“ หนูบอกชอบพี่ และพี่ก็มาบอกว่าชอบหนู
แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าให้เลิกชอบหรอ
หนูทำไม่ได้ว่ะพี่ ”

เราว่าการแสดงความรักกับคนที่เรารัก มันเหมือนเป็นการเติมเต็มความรู้สึกซึ่งกันและกัน มันทำให้ความรักของ 2 คนนั้นไม่เกิดช่องโหว่ หรือความเว้าแหว่งของความรู้สึก ถึงแม้ว่าเราทุกคนจะมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ แต่เราก็ควรจะแบ่งเวลามาสนใจคนรักของตัวเองบ้าง อย่าหมกอยู่กับงานจนเกินไป
เพราะในบางครั้งเราก็อาจจะละเลย หรือหลงลืมความรู้สึกของอีกฝ่าย และเมื่อบ่อยครั้งมากขึ้น จากความรู้สึกที่เป็นเพียงช่องโหว่เล็กๆ มันก็จะกลายเป็นความเคยชิน ที่เป็นเหมือนรอยแผลเป็นทางความรู้สึก
ถ้าเป็นไปได้ ในวันที่คน 2 คนยังมีโอกาสที่จะเติมเต็มซึ่งกันและกัน เราก็ควรใช้เวลาที่มีอยู่นี้
ให้คุ้มค่า เพราะถ้าเกิดวันนึงเราต้องเสียเขาไป เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้เติมเต็มให้กันและกัน
"การจากลา"
“ ต่อให้รักกันมากแค่ไหน ไม่ช้าก็เร็ว คนเราก็ต้องลาจากกันอยู่ดี ”

เป็นประโยคเปิดซีรี่ย์ ที่พ่อกับแม่ของทานตะวัน ชอบบอกประโยคนี้กับเธอเสมอ
และเราก็รู้สึกว่ายังมีอีก Message เกี่ยวกับ การจากลา ที่เรื่องนี้ต้องการจะบอกอะไรกับคนดู เราว่าทุกๆการจากลา มันไม่มีแม้แต่สัญญาณบอกเลยแม้แต่นิดเดียว เห็นได้จากในเรื่อง ที่จะต้องมีการจากลา ในรูปแบบต่างๆ ทั้งความเป็น ความตาย ของทุกๆความสัมพันธ์อยู่เสมอ

ทานตะวัน - พ่อ - แม่ การจากลาเพราะหนีปัญหา ธุรกิจล้มละลาย ฆ่าตัวตายเพื่อเอาเงินประกันมาให้ ทานตะวันกับทิวเขา ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งที่ทานตะวันต้องการมันไม่ใช่เงิน แต่คือการให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน เธอไม่มีโอกาสที่จะได้รั้งหรือบอกลาพ่อกับแม่ของเธอเลยด้วยซ้ำ
ไท - น้องขิม (การจากลาเพราะอุบัติเหตุ) ในคืนที่กำลังจะพาน้องสาวไปเลี้ยงฉลองวันเกิด แต่อยู่ดีๆก็มีรถฝั่งตรงข้ามขับมา ทำให้ต้องหักหลบเกิดอุบัติเหตุ น้องสาวอาการสาหัส แต่ก็เจอนักศึกษาแพทย์ Extern รักษาผิดพลาด เพราะไม่มีแพทย์มาคุม
เล็ก - อาม่า (การจากลาตามอายุขัย) อาม่าที่ดูแข็งแรงดี อยู่วันนึงก็ล้มลงกลางโรงพยาบาล เล็กไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ดูแลอาม่า
เต่า - ทิวเขา (การจากลาเพราะหน้าที่) ทิวเขายังไม่ได้มีโอกาสที่จะพูดดีๆกับเต่าเลยสักครั้ง ในแต่ละครั้งที่เจอกัน
เป้ง - ทานตะวัน (การจากลาของความสัมพันธ์) เพราะ 15 ปีที่ผ่านมาหรือในวันที่มีกันอยู่ แต่ดันไม่ดูแลกันให้ดี จนมารู้ตัวอีกทีโอกาสนั้นมันก็ไม่ได้เป็นของเป้งต่อไปแล้ว
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อ่านมาถึงตรงนี้ แต่ยังไม่เคยดู บอกเลยว่าต้องไปดูแล้วแหละมันสะท้อนเรื่องราวความรักในหลายความสัมพันธ์ หลายมุมมอง หลายการแสดงออก และหลายการจากลา เราว่า Message เหล่านี้ น่าจะทำให้เพื่อนๆสามารถนำไปปรับใช้กับคนที่รักกันได้นะคะ
" ในวันที่เรามีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ถ้าเรารักใคร หรือรู้สึกอะไรกับเขา ก็แสดงออกให้เขารับรู้
อย่ารอให้ถึงวันที่ต้องลาจากกัน แล้วค่อยทำ เพราะในวันนั้นมันก็คงสายเกินไปแล้ว"
รับชมตัวอย่าง : https://bit.ly/32Wv4Gj
สามารถรับชมผ่าน : LINE TV (หรือกดที่ลิงค์นี้ได้เลย https://bit.ly/2Nhz2Te)
เพลงประกอบซีรี่ย์ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน : https://bit.ly/2Wv3UUA
#อินเทยวิว #รีวิวซีรี่ย์ #รักฉุดใจนายฉุกเฉิน #MyAmbulance #NadaoBangkok