top of page

สวัสดีค่าาาาา วันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อนๆไปทำอะไรกันมาบ้างเอ่ย แต่เราเชื่อว่าหลายๆคนเนี่ย คงรอดูตอนอวสานของซีรี่ย์ “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน My Ambulance” กันแน่ๆ ไหนเป็นยังไงกันบ้าง ไหนใคร

  • ทีมหมอเป้ง กด 1

  • ทีมน้องหมอ กด 2

  • ทีมเต่าทิวเขา กด 3

ไหนใครทีมไหน แสดงตัวหน่อยเร็ว!! (33333333333 #บกพพ) 555555 ;)

หลังจากซีรี่ย์จบ ถือว่าเป็นกระแสอย่างมากในโซเชียลมีเดียเลยก็ว่าได้ ที่ทานตะวันเลือกฉลาม(น้องหมอ) ต้องบอกเลยว่า หน้าไทม์ไลน์เดือดมากๆ เต็มไปด้วย #รักฉุดใจนายฉุกเฉิน #รักฉุดใจนายฉุกเฉินตอนอวสาน เชื่อว่าเพื่อนๆคนไหนที่ไม่ได้ดู ตอนที่ซีรี่ย์กำลังออนแอร์ คงต้องเจอสปอยกันบ้างแหละ 555555555555

และสำหรับวันนี้ เราเองก็จะมารีวิวภาพรวมของซีรี่ย์ “รักฉุดใจนายฉุกเฉินเรื่องนี้กันดีกว่า เพราะจากที่เราดูมาจบจน เรารู้สึกว่าซีรี่ย์เรื่องนี้ มันมี Message อะไรบางอย่างที่ต้องการบอกกับคนดู และเพื่อไม่ให้เอนเอียงต่อทีมไหนๆ T_T เพราะทีมหมอเป้งเยอะมากกก (แต่ความจริงคือกลัวชาวเน็ตมาถล่ม 5555555555)


มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราว่า Message ที่เราเห็นชัดๆจากเรื่องนี้ ก็คือ “ความรัก กับ การแสดงออก และการจากลา” เพราะเรารู้สึกว่า 3 Message นี้ เป็นสิ่งที่ทีมเขียนบทอยากให้คนดูได้รับ และนำกลับไปมองตัวเอง หรือเตือนสติตัวเอง และสาเหตุที่ทำไมตัวละครถึงต้องมีอาชีพหมอฉุกเฉิน เพราะเป็นอาชีพที่ไม่สามารถปฏิเสธต่อหน้าที่ได้ มันเลยทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก ระว่าง คนรัก กับ คนไข้

"ความรัก กับ การแสดงออก"

เราว่าบทก็ได้วางให้ตัวละครแต่ละตัว มีความรัก, ความสัมพันธ์ในแบบของตัวเอง รวมไปถึงการแสดงออกในเรื่องความรักของตัวละครแต่ละตัว ที่ออกมาได้หลากหลายเลยนะ เพราะเราเองก็รู้สึกว่ามันมีแบบนั้นอยู่จริงๆ ที่เห็นได้จากคนรอบข้างหรือคนในสังคม เราว่าเขาต้องการจะนำเสนอในแนวนี้แหละ งั้นเราขอพูดเป็นเคสๆไปละกันนะ


  • เป้ง (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์)

“เห็นแกเจ็บแล้วทำอะไรไม่ได้ เราโคตรรู้สึกแย่


“ ที่ผ่านมาแกจะคิดยังไงก็แล้วแต่นะ

อย่าคิดว่าเราไม่รักแกก็พอ ”


เป้ง กับความรักที่มีต่อทานตะวันตลอด 15 ปีที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นของการที่เป้งเป็นหมอ ก็มาจากทานตะวันเนี่ยแหละ เพราะเป้งอยากช่วยทานตะวัน ไม่อยากเห็นทานตะวันเจ็บ แต่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลย เราว่าเป้งรักทานตะวันมากๆเลยนะ และเป้งก็เป็นเหมือนทุกอย่างในชีวิตของทานตะวันไปแล้ว แต่ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง เลยทำให้เป้ง อุทิศตนให้กับอาชีพหมอ เพิ่มเวลาเข้าเวร ขอหยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว ถ้ามองในหน้าที่หมอ ถือว่าเป้งทำหน้าที่นี้ได้ดีและเต็มที่มากๆเลยด้วยซ้ำ

แต่ในมุมของความรัก เป้งจัดเป็นตัวละครที่สะท้อนถึง คนที่ซื่อสัตย์กับความรัก ไม่นอกใจ ไม่สนใจคนอื่น แต่แค่ไม่ได้แสดงออกว่ารักสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะความเคยชิน หรือเป็นเพราะว่าละเลยกับความความรู้สึกของคนรัก เพราะให้ความสำคัญกับงานมากกว่า มันเลยกลายเป็นไม่บาลานซ์กัน ในเรื่องของงานกับความรัก ถ้าบอกว่าหมอเป้งไม่รัก หมอเป้งคงไม่ยอมรับผิด หรือทำอะไรต่างๆนาๆให้ทานตะวันขนาดนี้หรอก ซึ่งมันก็ใช่ ถ้าไม่รักคงไม่ทำแบบนั้น แต่กลับมองข้ามถึงความรู้สึกเล็กๆน้อยๆของทานตะวัน

จนวันนึงที่ฉลามมาทำให้ทานตะวันเกิดหวั่นไหว และบะหมี่ที่มาตามจีบแล้วพาไปทำในสิ่งต่างๆที่เป้งไม่เคยทำกับทานตะวัน วันนั้นก็เหมือนฟ้าเปิด เบิกทางให้ตาสว่าง รู้ว่าที่ผ่านมาควรทำอะไร แต่มันก็สายไปแล้ว กับการที่จะกลับไปรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพราะถึงแม้รู้ว่าตัวเองจะต้องทำยังไง แต่มันก็เหมือนหมอเป้งต้องฝืนตัวเองอยู่ดี


“ แกอย่าให้เราเลือกได้ไหม แกก็รู้ว่าเราเลือกแกไม่ได้ ”


“ ถ้า 15 ปีมันใช่ มันใช่ไปนานแล้ว ”


เราว่าประโยคนี้เพื่อนๆที่ได้ยิน ก็คงจุกไปตามๆกัน เพราะถ้าคนที่เรารักพูดกับเราแบบนี้ เราก็คงทำตัวไม่ถูกเหมือนทานตะวันนั่นแหละ ทั้งๆที่มันเป็นวันสำคัญก็ตาม จากที่ผ่านมาเราก็จะเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอเป้งถึงจริงจังกับงานขนาดนั้น เพราะเป้งอุทิศตนให้กับอาชีพหมอไปแล้ว


“ เราอยากให้แกเลือกเรานะ

แต่ถ้าแกเลือกฉลาม เราจะไม่เสียใจเลย...

...สตรอเบอร์รี่ไม่เสียใจเลย ”


  • ทานตะวัน (ใหม่ ดาวิกา)

“ เราคิดถึงความรักว่ะ ”


“ สรุปแล้ว เราต้องปรับตัวเอง...

หรือว่า เราควรจะต้องเป็นตัวของตัวเองดี ”


ทานตะวัน กับความรักที่มีต่อเป้ง ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ทานตะวันเป็นคนที่คอยดูแลเป้งอยู่เสมอ เกือบ 24 ชั่วโมงของทานตะวันก็เลยมีแต่เป้ง และมันคงไม่แปลกหรอก ถ้าทานตะวันจะโหยหาหรือต้องการความรักจากเป้งบ้าง มันก็คงเป็นความรู้สึกที่อยากอยู่กับคนที่รัก ใช้เวลาที่มีอยู่กับเป้ง ออกไปเที่ยวบ้าง ออกไปทำอะไรแบบที่คู่รักอื่นๆเขาทำกัน

แต่พอเวลาผ่านไป เป้งไม่มีเวลาให้เหมือนเดิม ทานตะวันเลยไม่ได้รับความรู้สึกเหล่านั้นเหมือนเดิม เพราะหน้าที่การงานที่ต้องทำมันมากขึ้น แต่พอถึงวันหยุด หรือในวันสำคัญ เป้งก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับทานตะวันสักเท่าไร มันก็ไม่น่าแปลกถ้าทานตะวันจะเริ่มเหนื่อยใจ แต่ทุกครั้งก็ฮีลตัวเองแล้วปรับความเข้าใจใหม่เสมอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะมันยังไม่มีตัวแปรจากคนอื่นมาทำให้ทานตะวันเกิดคำถามหรือสงสัยกับความสัมพันธ์ที่มีกับเป้ง


“ ลืมบ่อยขนาดนี้ มันไม่ใช่ลืมแล้ว...

...แต่แกลืมไปด้วยซ้ำ ว่าแกยังมีเราอยู่ ”


เราว่าทานตะวันไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย ในฐานะแฟนคนนึง ที่อยากใช้ชีวิตกับคนรัก ใช้ทุกๆวันยังมีกันให้มีความสุขให้มากที่สุด แต่พอเวลาผ่านไป สิ่งที่เคยได้รับมันกลับลดน้อยลง ความรู้สึกที่เคยมีมันก็เริ่มจางหายไป ทำให้ทานตะวันต้องคิดและปรับตัวเองเพื่อยอมรับกับสิ่งที่ต้องเจอว่าที่เป้งทำแบบนั้นเพราะอะไร

เราว่าการที่ทานตะวันเลือกเริ่มต้นรักใหม่กับฉลาม เพราะทานตะวันคงไม่อยากอยู่กับความรักที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าการเลือกครั้งนี้อนาคตจะเป็นยังไง เพราะเวลาเปลี่ยนไป ยังไงคนก็เปลี่ยนตาม แต่อยู่ที่ว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นคนที่เข้ากับเรามากขึ้น หรือกลายเป็นคนที่ไม่เข้ากันเลย เราไม่มีทางรู้ได้ แต่ที่แน่ๆคือ ทานตะวันและเป้งจะได้ไม่ต้องฝืนตัวเองกันอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เลือกเป้ง แต่เราว่าทานตะวันกับเป้งจะมีแต่ความทรงจำที่ดีของความสัมพันธ์ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาแน่นอน


“ ถึงวันนี้เราจะไม่ได้รักกัน

แต่เขาจะเป็นคนแรกที่ฉันนึกถึงเสมอ... ”


  • ฉลาม / น้องหมอ (สกาย วงศ์รวี)

“ ก็อยากอยู่ด้วย ”


“ ผมคิดแค่ว่า ถ้าเรารักเขา...

...เราก็คงทำทุกอย่าง เพื่อที่จะได้อยู่กับเขา ”


ฉลาม กับความรู้สึกที่ยอมถอยให้กับรัก 15 ปีของทานตะวัน เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่ดีพอ ไม่สามารถไปทดแทนคนเก่าของเขาได้ แต่สุดท้ายหัวใจตัวเองมันก็บอกว่าขอลองสู้สักครั้งกับความรักครั้งนี้ คนแบบฉลามมันมีจริงๆนะ ที่หัวใจรู้สึกอย่างนึง แต่ปากกับการกระทำมันแสดงออกมาอีกอย่างนึง เพียงเพราะคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ แต่บางคนก็อาจจะท้อแล้วก็ถอดใจไป อย่างน้อยได้ชอบอยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหน แต่บางคนก็ฮึดตัวเอง กลับมาทำตามเสียงของหัวใจให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป ดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย

และเราว่าฉลามเป็นตัวละครที่สำคัญมากๆเลยนะ เพราะเป็นคนที่ทำให้ทานตะวันเกิดคำถามในใจว่า ความรักตลอด 15 ปีที่ผ่านมา ที่ทำมาทั้งหมด ทำถูกไหม มันเป็นเพราะความรัก ที่พยายามปรับตัวเองให้เข้ากับเขา หรือเป็นการที่ต่างฝ่ายต่างต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ และถูกช่วงชิงความเป็นตัวของตัวเองกันไปหรือเปล่า

ฉลามเป็นคนที่มาปลดล็อคทุกอย่างที่เป้งไม่เคยทำให้กับทานตะวัน และสามารถเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปของทานตะวัน ที่ไม่ได้รับจากเป้ง ก็คงไม่แปลกที่ทานตะวันจะหวั่นไหว แล้วเริ่มต้นใหม่กับความรักที่ต่างคนไม่ต้องทนฝืนตัวเอง


“ ถ้าผมเคยรักพี่สักนิด

วันนี้ที่ผมไม่มีพลัง ผมก็คงเสียใจนะ

...แต่ดูดิผมไม่รู้สึกอะไรเลย ”


“ ที่ผมไม่ใช้พลัง เพราะผมอยากถอยให้พี่เป้ง

แต่ตอนนี้ผมจะไม่ไปไหนแล้ว ”



“ ผมขอให้คำตอบพี่ใหม่ได้ไหม ”


“ ผมใช่คนเดียวกับที่พี่เลือกไว้ในใจหรือเปล่า ”


  • บะหมี่ (ต้าเหนิง กัญญาวีร์)

“ หนูดีใจอะพี่ ที่หนูไม่ได้คิดไปเอง ”


“ พี่อยากได้โอกาสจากพี่ทานตะวันยังไง...

...หนูก็อยากได้โอกาสจากพี่ อย่างนั้นแหละ ”


บะหมี่ กับการแอบชอบหมอเป้ง ก็รู้ทั้งรู้แหละ ว่าหมอเป้งมีแฟนแล้ว แต่ก็ชอบอะ จะให้ทำยังไง คนมันชอบไปแล้ว ถ้าบังเอิญได้มาเป็นแฟนก็ดี แต่ถ้าไม่มีโอกาสเป็นแฟน อย่างน้อยก็ขอแค่ได้เข้าไปใกล้ชิดเขา ได้อยู่ใกล้ๆเขาก็พอแล้ว ถึงแม้รู้ว่าไม่มีโอกาสก็จะลองสู้ดูสักตั้ง ตายเป็นตายดีกว่าไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้บอกรักให้เขารู้ หัวใจรู้สึกแบบไหน ปากและการกระทำมันก็แสดงออกมาตามที่หัวใจมันรู้สึกแบบนั้น เพราะก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แย่หรือด้อยไปกว่าใคร

ซึ่งเราคิดว่าตัวละครบะหมี่กับฉลาม ไม่ได้ต่างกันเท่าไรเลยนะ ในสถานะของความรัก (แอบชอบ) แต่แค่ฉลามมีอีกฝ่ายมาเข้าหาก่อน ส่วนบะหมี่เป็นฝ่ายที่เข้าหาเขาเอง แต่แตกต่างกันที่ความกล้าของหัวใจ ว่าจะแสดงออกไปแบบไหน คนนึงปากอย่างใจอย่าง กับอีกคน ปากกับใจแม่งโคตรจะตรงกัน ซึ่งเราว่าคนแบบบะหมี่ ก็มีอยู่เยอะเลยนะ ถึงแม้คนจะด่าว่าบะหมี่ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราว่าถ้าหลายๆคนตกอยู่ในความรู้สึกแบบบะหมี่ ทุกคนก็คงจะทำไม่ต่างไปจากบะหมี่หรอก ใช่ไหมเอ่ยยย 555555


“ พี่ทานตะวันเขาไม่ได้รักพี่แล้ว ได้ยินไหม ”


และเราว่าบะหมี่ก็เป็นอีก 1 ตัวละครที่สำคัญมากเลยนะ ไม่ต่างไปจากฉลามเลย บะหมี่เหมือนเป็นคนที่มาตบหน้าเป้ง แล้วปลุกให้เป้งตื่นจากสิ่งที่เคยทำ, สิ่งที่คิดว่ามันดี เห็นได้ตอนที่เป้งเริ่มดูใจกับบะหมี่ แล้วออกไปทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เคยได้ทำกับทานตะวัน จนกระทั่งตอนที่เป้งพยายามกลับไปหาทานตะวัน คำพูดต่าง ๆ ของบะหมี่ที่เคยบอกเป้ง ก็ยังเตือนให้เป้งทำในสิ่งที่ควรทำ, ควรปล่อยวางจากหน้าที่หมอบ้าง (ตอนที่ให้หลับตาแล้วนึกว่าถ้ามีหมอตรงนั้นเขาจะทำยังไงกับคนไข้, ตอนที่กำลังจะไปทำคลอดให้พี่ตั๊ก)


“ หนูบอกชอบพี่ และพี่ก็มาบอกว่าชอบหนู

แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าให้เลิกชอบหรอ

หนูทำไม่ได้ว่ะพี่ ”


เราว่าการแสดงความรักกับคนที่เรารัก มันเหมือนเป็นการเติมเต็มความรู้สึกซึ่งกันและกัน มันทำให้ความรักของ 2 คนนั้นไม่เกิดช่องโหว่ หรือความเว้าแหว่งของความรู้สึก ถึงแม้ว่าเราทุกคนจะมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำ แต่เราก็ควรจะแบ่งเวลามาสนใจคนรักของตัวเองบ้าง อย่าหมกอยู่กับงานจนเกินไป

เพราะในบางครั้งเราก็อาจจะละเลย หรือหลงลืมความรู้สึกของอีกฝ่าย และเมื่อบ่อยครั้งมากขึ้น จากความรู้สึกที่เป็นเพียงช่องโหว่เล็กๆ มันก็จะกลายเป็นความเคยชิน ที่เป็นเหมือนรอยแผลเป็นทางความรู้สึก


ถ้าเป็นไปได้ ในวันที่คน 2 คนยังมีโอกาสที่จะเติมเต็มซึ่งกันและกัน เราก็ควรใช้เวลาที่มีอยู่นี้

ให้คุ้มค่า เพราะถ้าเกิดวันนึงเราต้องเสียเขาไป เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจว่าที่ผ่านมาเราไม่ได้เติมเต็มให้กันและกัน



"การจากลา"

“ ต่อให้รักกันมากแค่ไหน ไม่ช้าก็เร็ว คนเราก็ต้องลาจากกันอยู่ดี ”

เป็นประโยคเปิดซีรี่ย์ ที่พ่อกับแม่ของทานตะวัน ชอบบอกประโยคนี้กับเธอเสมอ

และเราก็รู้สึกว่ายังมีอีก Message เกี่ยวกับ การจากลา ที่เรื่องนี้ต้องการจะบอกอะไรกับคนดู เราว่าทุกๆการจากลา มันไม่มีแม้แต่สัญญาณบอกเลยแม้แต่นิดเดียว เห็นได้จากในเรื่อง ที่จะต้องมีการจากลา ในรูปแบบต่างๆ ทั้งความเป็น ความตาย ของทุกๆความสัมพันธ์อยู่เสมอ

  • ทานตะวัน - พ่อ - แม่ การจากลาเพราะหนีปัญหา ธุรกิจล้มละลาย ฆ่าตัวตายเพื่อเอาเงินประกันมาให้ ทานตะวันกับทิวเขา ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งที่ทานตะวันต้องการมันไม่ใช่เงิน แต่คือการให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน เธอไม่มีโอกาสที่จะได้รั้งหรือบอกลาพ่อกับแม่ของเธอเลยด้วยซ้ำ

  • ไท - น้องขิม (การจากลาเพราะอุบัติเหตุ) ในคืนที่กำลังจะพาน้องสาวไปเลี้ยงฉลองวันเกิด แต่อยู่ดีๆก็มีรถฝั่งตรงข้ามขับมา ทำให้ต้องหักหลบเกิดอุบัติเหตุ น้องสาวอาการสาหัส แต่ก็เจอนักศึกษาแพทย์ Extern รักษาผิดพลาด เพราะไม่มีแพทย์มาคุม

  • เล็ก - อาม่า (การจากลาตามอายุขัย) อาม่าที่ดูแข็งแรงดี อยู่วันนึงก็ล้มลงกลางโรงพยาบาล เล็กไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ดูแลอาม่า

  • เต่า - ทิวเขา (การจากลาเพราะหน้าที่) ทิวเขายังไม่ได้มีโอกาสที่จะพูดดีๆกับเต่าเลยสักครั้ง ในแต่ละครั้งที่เจอกัน

  • เป้ง - ทานตะวัน (การจากลาของความสัมพันธ์) เพราะ 15 ปีที่ผ่านมาหรือในวันที่มีกันอยู่ แต่ดันไม่ดูแลกันให้ดี จนมารู้ตัวอีกทีโอกาสนั้นมันก็ไม่ได้เป็นของเป้งต่อไปแล้ว


สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อ่านมาถึงตรงนี้ แต่ยังไม่เคยดู บอกเลยว่าต้องไปดูแล้วแหละมันสะท้อนเรื่องราวความรักในหลายความสัมพันธ์ หลายมุมมอง หลายการแสดงออก และหลายการจากลา เราว่า Message เหล่านี้ น่าจะทำให้เพื่อนๆสามารถนำไปปรับใช้กับคนที่รักกันได้นะคะ

" ในวันที่เรามีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ถ้าเรารักใคร หรือรู้สึกอะไรกับเขา ก็แสดงออกให้เขารับรู้

อย่ารอให้ถึงวันที่ต้องลาจากกัน แล้วค่อยทำ เพราะในวันนั้นมันก็คงสายเกินไปแล้ว"


รับชมตัวอย่าง : https://bit.ly/32Wv4Gj

สามารถรับชมผ่าน : LINE TV (หรือกดที่ลิงค์นี้ได้เลย https://bit.ly/2Nhz2Te)

เพลงประกอบซีรี่ย์ รักฉุดใจนายฉุกเฉิน : https://bit.ly/2Wv3UUA


#อินเทยวิว #รีวิวซีรี่ย์ #รักฉุดใจนายฉุกเฉิน #MyAmbulance #NadaoBangkok


สวัสดีค่าาาาา !!! วันนี้เราก็จะมา รีวิวซีรี่ย์ที่เราชอบดูเป็นประจำกันเลยดีกว่า นั่นก็คือ “ซีรี่ย์วาย” นั่นเอง แต่ขอเป็นเรื่องที่เราเคยดูมาแล้วของไทยก่อนละกันน้าา ให้พอหอมปากหอมคอ และเผื่อเพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่เคยดูจะได้ตามไปดูกันนะ ส่วนมากมันก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรักในวัยเรียนนั่นแหละ ทั้งมัธยมและมหาลัย สาเหตุที่เราชอบดูซีรี่ย์วาย เพราะเรารู้สึกว่ามันมีความเป็นไปไม่ได้อยู่หน่อยๆ มีความเพ้อฝันอยู่อ่อนๆ เพราะเราว่าบางเหตุการณ์มันไม่ค่อยมีหรือเจอในชีวิตจริงแบบเราๆสักเท่าไร 55555 แต่เราก็ยังชอบนะเวลาที่ได้ดู มันชวนให้เราคิดต่อว่าถ้าเป็นเราเป็นแบบเขา โดนจีบแบบนั้น โดนบอกรักแบบนี้ เราจะเขินตัวบิดขนาดไหน 555555555555 คิดแล้วก็ฟิน เขินจิกหมอน อย่างนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่ม !!!



1. Lovesick the Series (รักวุ่น วัยรุ่นแสบ)



“ ผมอยากมีโน่ ”

สำหรับใครที่เคยดู เรามั่นใจเลยว่าประโยคนี้ทุกคนน่าจะจำกันได้ มันเป็นฉากที่ส่วนตัวเรารู้สึกว่าตัวละครได้เปิดใจบอกความรู้สึกที่มีต่อกัน


“ ถ้าเราตัดเหตุผลทุกอย่างทิ้ง แล้วไม่คิดว่าเราเป็นอะไร สิ่งที่มึงอยากทำคืออะไร? ”



“ ผมอยากมีโน่ ”


ประโยคนี้คือตายไปเล้ยยยยย และถ้าจำไม่ผิด LOVESICK เป็นซีรี่ย์วายเรื่องแรกเลยมั้งที่เราดู เราจำได้ว่าตอนดูคืออยากเป็นโน่ (กัปตัน) มากๆๆๆ เพราะว่าความหยอกล้อใดๆของปุณณ์กับโน่มันแบบทำกระเทยตัวน้อยๆคิดไปแล้วว่าอยากมีแบบนี้บ้างจัง 555555 และอีกอย่างคือง่ายๆเลยนะ กัปตันตอนนั้นสกรีนเฮด คือดี เห็นแล้วละลาย ใจบางแบบเหมียวกลอยเอยใจกรุบมาก มากกกก

ส่วนเนื้อเรื่องมันก็มีอยู่ว่า “โน่” (กัปตัน ชลธร) ประธานชมรมดนตรีจอมกวน กับ “ปุณณ์” (ไวท์ ณวัชร์) หนุ่มหล่อเลขาสภานักเรียน แต่มาวันหนึ่งงบประมาณที่ชมรมดนตรีจะต้องใช้ซื้อกลองชุดถูกตัด โน่เลยไปที่ห้องสภานักเรียน เพื่อขอให้ตรวจสอบงบของชมรมดนตรีใหม่ ทำให้โน่ได้เจอกับปุณณ์ ทั้งคู่ต่อรองกัน โน่ขอให้ปุณณ์ช่วย และปุณณ์ก็รับปาก แต่มีข้อแม้ว่า โน่ต้องมาเป็นแฟนปุณณ์ นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างโน่กับปุณณ์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไง ลงเอยแบบไหน เราเองก็อยากให้เพื่อนๆลองไปหาดูกันนะมันดีจริงๆ เราว่าเรื่องนี้เป็นซีรี่ย์วายที่นำเสนอได้แบบไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินอยู่ในเกณฑ์ที่กำลังพอดี


รับชมตัวอย่าง : https://www.youtube.com/watch?v=sVfeu7Us-wY

สามารถรับชมผ่าน : Netflix, LINE TV, Youtube



2. บังเอิญรัก (Love By Chance Series)



“มึงอย่าทำหน้าแบบนี้ดิวะ กูอดใจไม่ไหว”

สำหรับเรื่องนี้ อย่างแรกเลยคือ เอ้ กราวใจมากกก มากแบบมานี่ มาหาพี่นี่ 55555555555 คนอะไรมันจะแบดได้ขนาดนั้นอะหื้ออ ส่วน พีท ก็นุ่มนิ่ม หน่อมแน้มแบบอ่อนโยน น่าทะนุถนอม และเรื่องนี้ที่พีคเลยก็คือเลิฟซีน แต่ละรอบคือจุกๆมากกกกก ทั้งลากขึ้นห้อง ฉากล็อกเกอร์ ฉากห้องน้ำ โมโหทีจูบที พีทพูดถึงคนอื่นนิดหน่อยหึงลากขึ้นห้อง ถือว่าเป็นซีรี่ย์วายที่มีฉากเลิฟซีนเยอะอยู่นะ แต่สำหรับเรานะคิดว่าภาพที่ออกมาไม่ได้ทำให้น่าเกลียดจนเกินไป เพราะภาพสวย แสงดี มุมกล้องก็ดี แต่ยังไงแล้วเอ้คือที่ 1 ในดวงใจ อยากไปงอแงใส่สักทีสองที >< ผู้ชายอะไร๊อย่าให้เจอเชียวนะ

ส่วนเรื่องราวก็เป็นเกี่ยวกับ “เอ้” (เพิร์ธ ธนพนธ์) เฟรชชี่ปีหนึ่งคณะวิศกรรม ดีกรีนักบอลมหาวิทยาลัย ที่บังเอิญไปช่วย “พีท” (เซ้นต์ ศุภพงษ์) หนุ่มหล่อมาดคุณชายคณะอินเตอร์ ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก โดนแฟนเก่าขู่กรรโชกจะเอาเงิน การที่เอ้เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่ไม่รู้เลยว่าความประทับใจในครั้งนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นที่พีทมีให้ แต่พีทก็รู้ตัวว่าการที่เขาชอบเอ้นั้นมันไม่สามารถเป็นไปได้ อย่างน้อยขอให้ได้เป็นเพื่อนกับเอ้ก็ยังดี ความบังเอิญในครั้งนั้นจะทำให้พีทสมหวังกับเอ้ไหม เราอยากให้เพื่อนๆลองไปติดตามดู สำหรับสาววายบอกเลยว่าห้ามพลาด!!! เลิฟซีนแบบฟินจิกหมอน


รับชมตัวอย่าง : https://www.youtube.com/watch?v=cF1K_8LwKE8

สามารถรับชมผ่าน : Netflix, LINE TV, Youtube

3. ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of Love)



“สำหรับกูมึงไม่ใช่หนัง แต่มึงคือเรื่องจริง”

เรื่องนี้น่าจะตรงกับใครหลายๆคนที่ รู้สึกกับเพื่อนสนิทเกินคำว่าเพื่อน และต้องพยายามตัดใจ แต่ขอบอกก่อนว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานะนี้เด้อ แต่อินเฉยๆ 55555 และเรื่องนี้บอกเลยว่าจูบเยอะอยู่เหมือนกันเด้อ แต่จูบทีไรสงสารเติร์ดทุกที T T เอ้อลืมบอกไปว่าเราชอบคู่ออฟกันอยู่แล้วด้วย #ปาปี๊ #เบบี๋ >< กลับเข้าเรื่องดีกว่าออกไปไกลแล้ว 5555 โดยส่วนตัวเราว่าไดอะล็อกของเติร์ดเขียนได้ดีมากๆเลยนะ ในหลายๆซีนที่พูดออกมา เราฟังเองเรายังรู้สึกจุกๆเลยอะ โคตรจี๊ด โดนทุกดอก ถ้าเราเป็นค่ายที่โดนพูดแบบนั้นนะ ร้องไห้ไปแล้วน้ำตามาแน่ๆ T T

ส่วนเนื้อเรื่องก็มีอยู่ว่า มีหนึ่งในสมาชิก “แก๊งโหด” อย่าง ​“เติร์ด” (กัน อรรถพันธ์) เด็กนิเทศศาสตร์ เอกภาพยนตร์ ที่หลงรักเพื่อนสนิทตัวเองอย่าง “ค่าย” (ออฟ จุมพล) หนุ่มคารมดีแต่มีความเจ้าชู้ ซึ่งมันทำให้เติร์ดต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของเพื่อนเอาไว้ แต่ความลับมันไม่มีอยู่จริง เมื่อ​ “ทู” รู้ความจริงว่า เติร์ดแอบรักค่ายมาตลอด 3 ปีกว่า ภารกิจช่วยให้เพื่อนให้สมหวังจึงเริ่มต้นขึ้น ค่ายเริ่มมีท่าทีรู้สึกดีกลับมา แต่มันเป็นเพียงข้อพิสูจน์โง่ๆที่ค่ายอยากรู้ว่าเติร์ด ชอบตัวเองจริงไหม ? แต่กลับกัน... ค่ายเริ่มรู้สึกดีกับเติร์ดขึ้นมาจริงๆ​ “ทฤษฎีจีบเติร์ด” ของค่ายจึงเริ่มต้นขึ้น ถ้าเพื่อนๆอยากรู้ว่า ทฤษฎีจีบครั้งนี้จะเป็นอยากไร เราอยากให้ลองไปดูกันนะ เหมือนเราได้โตไปกับตัวละคร ในตอนจบเรามีหลุดน้ำตาไหลดีใจกับตัวละครด้วยเลยอะ อันนี้พูดจริงๆไม่ได้ torแหล น้าาาา


รับชมตัวอย่าง : https://www.youtube.com/watch?v=UQT1x-4ciI4/

สามารถรับชมผ่าน : Netflix, LINE TV, Youtube


และอีกอย่างที่ชอบของเรื่องนี้คือ เพลงประกอบ “พระเอกจำลอง – Getsunova” บอกเลยว่าดีมากกกก เป็นเพลงที่สื่อถึงบทบาทของคนที่แอบรัก แต่สามารถทดแทน “ตัวจริง” ได้ สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ตกอยู่ในสถานะแอบชอบแต่บอกเพื่อนไม่ได้ลองไปฟังกันดูนะเราว่ามันจี๊ดมากกกกก


สำหรับวันนี้เราขอจบการรีวิวซีรี่ย์วายไว้ที่ 3 เรื่องนี้ก่อนน้า จริงๆเรายังมีอีกหลายเรื่องเลยที่อยากรีวิวให้ทุกคนอ่านกัน เอาไว้ถ้าเรามีเวลาว่างเราจะมารีวิวเรื่องที่เหลือให้เพื่อนๆได้อ่านกันต่อน้าา (Sotus The series, 2 Moons The Series เดือนเกี้ยวเดือน, อาตี๋ของผม, รักออกเดิน Make It Right The Series, และ Water Boyy The Series)

ส่วนเพื่อนๆที่อ่านแล้ว มีเรื่องไหนที่อยากแนะนำหรืออยากให้เราไปดูก็สามารถคอมเม้นต์มาบอกกันได้เลยน้า ไว้เราจะตามไปดู แต่ตอนนี้เราขอตัวลาไปก่อน เพราะจะรีบเคลียร์งานที่มี แล้วรอดูหมอเป้ง รักฉุดใจนายฉุกเฉิน ไปแล้วน้าา Good Bye ka sis xoxo


#อินเทยวิว #รีวิวซีรี่ย์ #ซีรี่ย์วาย #lovesick #บังเอิญรัก #ทฤษฎีจีบเธอ

bottom of page